พระครูสุภัทรธรรมาภิรม ( หลวงพ่อหลบ ) เจ้าอาวาสวัดราษฎร์เจริญ
หลวงพ่อหลบ เกิดบนเกาะพงัน วันที่ 30 มกราคม พ.ศ.2474 เป็นลูกคนโตของ พ่อจันทร์ แม่ชื่น บุญญา มีน้อง 4 คน คนที่ 1 พระครูเหมคุณาพร (มหาเลื่อม สุวรรณโณ) ปัจจุบันเป็นเจ้าคณะ 5
คนที่ 2 นายแนบ บุญญา คนที่ 3 นางนอบ พิริยะสถิต (ใช้นามสกุลของสามี) คนที่ 4 นางอำพรรณ ศรีทองกุล (ใช้นามสกุลของสามี) หลวงพ่อหลบ มีความอัศจรรย์ตั้งแต่แรกเกิด
และเป็นที่มาของชื่อหลบ ซึ่งเรื่องมีอยู่ว่า ในวันที่ท่านเกิดนั้น ท่านก็ร้องออกมาเหมือนกับเด็กที่เพิ่งเกิดทั่วๆไป แต่ท่านร้องออกมาได้เพียงไม่กี่ครั้ง ท่านก็ได้สิ้นลมหายใจ
ทางฝ่ายพ่อและแม่ของท่านเสียใจมากเพราะเป็นลูกคนแรก จึงได้นำท่านห่อผ้าทำพิธีทางศาสนา เพื่อจะพาไปฝังที่ป่าช้า ในขณะที่ขุดหลุมเสร็จ เตรียมที่จะฝังท่าน ท่านก็ได้สติร้องขึ้นมาอีกครั้ง
จึงเป็นที่มาของชื่อ ( คำว่าหลบเป็นภาษาใต้ แปลว่า กลับมาอีกครั้ง) เพราะคนในสมัยนั้นคิดว่าท่านเพียงแค่สลบไปเท่านั้น โดยอาจารย์ท่านเจ้าคุณใหญ่จังหวัด พระธรรมรัตนกวีเป็นผู้ให้ใช้ชื่อนี้
ต่อมาถึงวัยศึกษาท่านได้เข้าเรียนที่โรงเรียนวัดมธุรวราราม ตั้งแต่ ป.1 ถึง ป.4 ก็ได้ออกจากการเรียน เนื่องจากในสมัยนั้นได้เกิดสงครามโลกครั้งที่สองขึ้น ท่านจึงไม่สามารถที่จะเล่าเรียนต่อได้
ท่านก็ได้อยู่ช่วยเหลือที่บ้านทำงานจนถึงวัยเกณฑ์ทหาร เมื่อท่านไม่ถูกคัดเลือกให้เป็นทหาร ก็เลยอุปสมบทที่วัดมธุรวราราม เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2495 มีฉายาว่า ธรรมวโร
โดยมีพระครูวิบูลทีปรัต ( อาจารย์พร้อม ธรรมทินโน ) เป็นพระอุปัชฌาย์ มีพระใบฎีกา พร้อม กัลยาโณ วัดสมัยคงคา เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระสมุห์เวียน ศีระสาโร วัดมธุรวราราม เป็นพระอนุกรรมวาจาจารย์
หลังจากอุปสมบทแล้วท่านก็ได้ เริ่มศึกษาเล่าเรียนนักธรรมตรี , นักธรรมโท , นักธรรมเอก ด้วยความจำดีและมีความตั้งใจศึกษาเล่าเรียน ทำให้ท่านสามารถสอบผ่านสามปีติดต่อกัน
หลังจากนั้นท่านจึงเดินทางไปศึกษาเปรียญต่อที่วัดบางน้ำจืด ตำบลเขาถ่านอำเภอท่าฉาง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ด้วยความจำและเข้าใจในสิ่งที่ร่ำเรียนท่านก็สามารถสอบได้เปรียญสามประโยคใน พ.ศ.2500
ในช่วงเวลาต่อมาทางวัดได้เกิดวิกฤตขึ้นเนื่องจากในช่วงนั้นมีโจรผู้ร้าย อันธพาลมากมายในเขตอำเภอท่าฉาง ได้ไล่พระไล่เณรออกจากวัดทำให้เกิดความวุ่นวาย
ด้านหลวงพ่อหลบเมื่อได้เปรียญสามประโยคก็มีความเข้าใจในภาษาบาลี จึงได้เดินทางไปศึกษาต่อที่กรุงเทพฯ จำอยู่ที่วัดทองธรรมชาติ ในปี พ.ศ.2502 ด้วยความใฝ่รู้และเสาะแสวงหาของหลวงพ่อ
จึงทำให้ท่านได้พบประกับผู้ที่มีความรู้มากมาย และได้แลกเปลี่ยนความรู้กัน ท่านได้ศึกษาหาความรู้จนถึงปี พ.ศ.2509 ก็ได้ถูกนิมนต์มาอยู่จำพรรษาที่วัดราษฎร์เจริญ และดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสในปี พ.ศ.2510
เมื่อท่านได้กลับมายังบ้านเกิด ท่านก็ได้แวะเวียนไปหาหลวงพ่อวัฒน์ วัดศรีทวีป ซึ่งมีศักดิ์เป็นตา หลวงพ่อวัฒน์ท่านนี้นับว่าเป็นพระวิปัสสนากรรมฐานของเกาะสมุย มีความรู้ในภูมิธรรมอย่างลึกซึ้ง
เชี่ยวชาญวิทยาคมและไสยศาสตร์หลายแขนงแต่ชอบเก็บตัวเงียบ ๆ อย่างสมถะมาโดยตลอด หลวงพ่อหลบจึงได้ศึกษาตำราวิชาต่างๆของหลวงพ่อวัฒน์ ด้วยความจำที่ดีชอบศึกษา
และมีความรู้แตกฉานในภาษาบาลีทำให้หลวงพ่อหลบรู้ ทุกอย่างในตำราเล่มนั้น ต่อมาหลวงพ่อวัฒน์ซึ่งมีศักดิ์เป็นตาได้ครอบครูให้
ในช่วงเวลานั้นนอกจากจะศึกษาเล่าเรียนแล้ว หลวงพ่อหลบก็เริ่มออกธุดงค์อยู่ตามป่าตามเขาบนเกาะเป็นเวลานานพอสมควร หลังจากกลับจากธุดงค์ท่านก็ได้ประกาศไม่ให้ชาวบ้านตัดต้นไม้ทำลายป่า
ทำให้ชาวบ้านไม่พอใจเป็นอย่างมาก จนชาวบ้านบางคนหาว่าท่านเป็นพระบ้า และไม่ยอมใส่บาตรให้ แต่ด้วยความรู้ทางธรรมและความมุ่งมั่นของหลวงพ่อหลบที่มีความแน่วแน่และ
ปฏิบัติตนดำรงอยู่ในศีลในธรรมมีเมตตาจิตตามแบบอย่างของพระพุทธศาสนาไม่ มีด่างพร้อย คอยแนะนำสอนสั่งชาวบ้านตลอดมา ในเวลาต่อมาชาวบ้านเริ่มเข้าใจและเริ่มมีความศรัทธาต่อหลวงพ่อหลบ
ท่านจึงดำเนินการต่อโดยการมอบผืนป่าให้เป็นอุทยานรวมพื้นที่หลายหมื่นไร่ ในปี พ.ศ.2511ท่านได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบล ท่านก็มีการพัฒนาต่อมาเรื่อยๆ
นอกจากจะอนุรักษ์ผืนป่าและพัฒนาภายในวัดราษฎร์เจริญแล้ว ท่านยังบูรณะวัดพุทธเจดิยาราม(วัดเขาน้อย) ซึ่งเดิมเป็นวัดที่ พระครูวิบูลย์ธรรมสาร (หลวงพ่อเพชร วชิโร) วัดอัมพวัน เป็นผู้สร้าง
( หลวงพ่อเพชร วชิโร เป็นเกจิอาจารย์ที่มีความศักดิ์สิทธิ์และโด่งดังมาก) ต่อมาได้ถูกปล่อยให้รกร้าง หลวงพ่อหลบจึงได้จัดหาพื้นที่เพิ่มเติมให้กับวัดเขาน้อยอีก 6 ไร่
หลังจากบูรณะสำเร็จแล้ว ได้ให้พระจำพรรษาอยู่ที่วัดเขาน้อยอีก 4 รูป ท่านยังมีเมตตาจิตยกที่ส่วนตัวให้กับวัดราษฎร์เจริญ สร้างเป็นเมรุและศาลาพักศพเพื่อเป็นสาธารณประโยชน์ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา
และยังยกที่ริมทางสร้างเป็นส่วนป่าไว้ให้ชาวบ้านได้พักผ่อนอีกด้วย ในขณะนั้นนอกจากจะอนุรักษ์ธรรมชาติและพัฒนาแล้ว
ท่านยังเป็นผู้ที่ส่งเสริมการศึกษาในด้านความรู้ต่างๆให้ทุนการศึกษาแก่เด็กที่ด้อยโอกาสเสมอมา บรรดาชาวบ้านที่เคยไม่พอใจท่านก็ได้กลับกลายมาเป็นลูกศิษย์ ซึ่งมีความเคารพศรัทธาท่านเป็นอย่างมาก
และคอยช่วยเหลืองานท่านตลอด หลวงพ่อหลบนับได้ว่าเป็นพระที่ปฏิบัติอยู่ในศีลในธรรมอย่างเคร่งคัดและมี ความศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมาก ชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทุกเกาะ มีลูกศิษย์ลูกหามากมายทั่วทุกสารทิศ
.jpg)